เมื่อมองภาพของสตาร์ทอัพ อาจจะดูสวยงามเติบโตอย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จ แต่อีกมุมหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงคือเรื่องของความล้มเหลว ก่อนที่จะมาเฉิดฉายในปัจจุบัน
ในการบรรยายหัวข้อ “The Road for Successful Startup: Lessons Learned from 500 Failed Startups” โดย Yossi Shavit จาก Yozma (Initiative) Consulting ประเทศอิสราเอล ได้ทำการพูดคุยและสำรวจปัจจัยที่ทำให้สตาร์ทอัพกว่า 500 รายไม่ประสบความสำเร็จ และนำมาถ่ายทอดเพื่อเป็นบทเรียนกับผู้ที่กำลังเริ่มต้น ได้นำไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเอง
สรุปบทเรียนจากสตาร์ทอัพที่ล้มเหลว
จากการพูดคุยให้คำปรึกษากับสตาร์ทอัพที่ล้มเหลว Yossi แบ่งนำข้อมูลมารวบรวมและพบว่า มี 5 ปัจจัยหลักที่ทำให้สตาร์ทอัพเหล่านี้ไม่ประสบความสำเร็จ
1.Scalability สตาร์ทอัพต้องมีความสามารถในการขยายตัวไปยังตลาดอื่นๆ ไม่จำกัดอยู่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น ถึงแม้ว่าการทำงานต้องเริ่มที่ประเทศไทยก่อนก็ตาม แต่ต้องมองเห็นอนาคตที่จะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ผู้ใช้งานอื่น เพราะว่ากลุ่มผู้ใช้งานเพียง 70 กว่าล้านคนไม่เพียงพอต่อการเติบโตแบบก้าวกระโดดของสตาร์ทอัพ ดังนั้นผู้ประกอบการต้องเรียนรู้ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และมองหาตลาดที่มีความต้องการด้วยการค้นคว้าข้อมูลเฉพาะพื้นที่อยู่เสมอ ซึ่งอย่างไรก็ตามการที่สินค้า บริการ สามารถ ขับเคลื่อนเองได้แบบอัตโนมัติ ดึงผู้คนเข้ามาใช้งานได้ด้วยตัวเองก็นับว่าเป็นกำไรของการเริ่มต้นได้ดี
2.Born Global อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าต้องวางแผนการขยายตลาด ซึ่งรวมไปถึงการออกนอกประเทศด้วย การมองเฉพาะกลุ่มเล็กๆ ก็ยังไม่ใช่วิถีของสตาร์ทอัพ ดังนั้นการทำงานของสตาร์ทอัพควรมีความเป็นสากล และมีมุมมองที่กว้างไกลในระดับนานาชาติ
ข้อแนะนำสำหรับการสร้างสตาร์ทอัพเพื่อ Born Global
- ภาษาเลือกใช้ต้องเป็นสากล อาทิภาษาอังกฤษ
- กลยุทธ์ที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
- ปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขของพื้นที่นั้นๆ
- แนวโน้มของปัจจัยต่างๆ ทั่วโลก
3.Uncertainty การที่จะเริ่มพัฒนาบริการ หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ไม่เคยมีใครเห็น ไม่รู้จักมาก่อน แน่นอนว่าต้องมากับความเสี่ยงที่สูงมาก ดังนั้นจุดสำคัญที่เน้นยำคือเรื่องของการสำรวจ ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจปัญหา ตลาด กลุ่มลูกค้าเป็นใคร และพวกเขาจะรู้สึกอย่างไรถ้าได้ใช้งานผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ แต่เบื้องหลังของการตัดสินใจต้องอยู่ภายใต้วัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ด้วย อาทิคนส่วนใหญ่ในโลกใช้ Whatsapp เป็นแอพฯหลักในการแชท แต่จีนใช้ WeChat ซึ่งนอกจากนั้นก็ยังมีแยกออกมาอีกว่าใช้งานแอพแชทอื่นๆ สำหรับคนรัก หรือสำหรับครอบครัว ซึ่งการที่เริ่มในตลาดใหญ่นับว่ามีข้อได้เปรียบเพราะมีโอกาสเติบโตมาก แต่หาเริ่มในตลาดเล็ก ก็ยากที่จะเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้มีผลสำรวจจากสตาร์ทอัพที่ล้มเหลวหลังเริ่มพัฒนาไปแล้ว ว่า 42% เป็นสินค้า/บริการ ที่ไม่มีตลาดรองรับ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับสตาร์ทอัพ ที่มีไอเดียใหม่ เพราะในขณะที่ทุ่มเท ฝ่าฟันอุปสรรคในการสร้างมากตั้งนาน แต่กลับไม่มีใครต้องการใช้งาน ดังนั้นต้องย้อนกลับไปในขั้นตอนสำรวจอีกครั้งว่าเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้จริงหรือไม่
ส่วนสำคัญที่ต้องใส่ใจคือ กฎหมาย และข้อกำหนดต่างๆ ไอเดียที่เกิดใหม่อาจจะเป็นสิ่งที่บริษัทใหญ่ๆ เคยได้คิด แต่ไม่ได้ทำ และบรรดาสตาร์ทอัพก็มองเห็นจุดเดียวกันและนำมาประยุกต์ใช้ โดยไม่ได้ศึกษาข้อกฎหมายอย่างละเอียดเสียก่อน อาทิการบินโดรน ที่หลายประเทศมีข้อจำกันห้ามบินในบางพื้นที่ แต่หลายคนก็ไม่ได้ศึกษาในเรื่องนี้
และอีกความเสี่ยงที่สำคัญคือเรื่องของการเงิน เพราะว่าสตาร์ทอัพในช่วงเริ่มต้นอาจจะยังไม่มีผู้ลงทุนหรือรายได้ ดังนั้นจึงควรใช้เงินอย่างระมัดระวังและคุ้มค่า เพื่อจะได้ไม่ต้องล้มเหลวด้วยปัญหาทางการเงิน
4.The Team 23% ของสตาร์ทอัพบอกว่าตนล้มเหลวเพราะคนในทีมทำงานไม่เข้าขากัน ทีมงานสตาร์ทอัพเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดความล้มเหลว เพราะว่าการทำงานเป็นทีมต้องมีการประสานงาน และช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ รวมถึงภายในทีมนั้นต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่หลากหลาย สามารถปั้นไอเดียให้เป็นรูปเป็นร่างได้จริงโดยอาศัยประสบการณ์ ทักษะ คอนเน็กชั่น ทีมเวิร์ก และความทุ่มเท พร้อมจะล้มและรีบลุกไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ทีมยังเป็นปัจจัยแรกๆ ที่นักลงทุนให้ความสำคัญ ผู้ลงทุนบางเจ้าเข้าไปศึกษาและดูวิธีการแก้ปัญหาของสตาร์ทอัพก่อนเริ่มลงทุนจริง
5.Investors 98% ล้มเหลวในครั้งแรกที่ขอเงินทุนในระดับ Seed และ 27% ได้รับเงินลงทุนก้อนแรกในครั้งที่สอง เพราะพวกเขานำข้อผิดพรากจากในครั้งแรกมาปรบใช้และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น
ซึ่งสิ่งที่นักลงทุนมองหาในตัวสตาร์ทอัพ ก็คือทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ความสามารถในการขยายตัว ความเป็นสากล ความระมัดระวังต่อสิ่งที่อาจเกิดขึ้น ทีมงานที่มีความสามารถ มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายอย่างชัดเจน
Yossi Shavit กล่าวทิ้งท้ายว่า สตาร์ทอัพมีจุดเริ่มต้นเดียวกันคือการเปลี่ยนแปลงโลก หลายคนอาจจะเริ่มจากการทำแพลตฟอร์ม แต่อย่าลืมว่าคนไม่ได้ต้องการแพลตฟอร์ม พวกเขาต้องการแค่โซลูชั่นที่ยกระดับชีวิตให้ดียิ่งขึ้น และนี่คือสิ่งทึควรทำ
“สำหรับเหตุผลที่ทำให้สตาร์ทอัพล้มเหลวทั้งหมดนี้ เป็นบทเรียนที่ทำให้เราได้รู้ในสิ่งที่ควรระมัดระวัง แต่เมื่อเราได้มีลูกค้ารายแรกแล้ว ความท้าทายก็จะเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สุด การทำสตาร์ทอัพ ไม่ใช่ล้มแล้วจะตายจากไป แต่เราจะตายและเกิดใหม่เพื่อกลับมาอีกครั้ง” Yossi Shavit