R&D นับว่าเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะพัฒนาประเทศได้เป็นอย่างดี ในเรื่องของการนำไปต่อยอดเป็นสินค้าและบริการให้ดีขึ้น และยังสามารถพัฒนาสร้างนวัตกรรมและโซลูชั่น เพื่อตอบโจทย์สังคมและผู้บริโภค ยกระดับคุณภาพชีวิตไปพร้อมกับการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไปสู่ยุค Thailand 4.0
R&D คืออะไร
Research & Development คือ การศึกษา ค้นคว้า และเรียนรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใด (เช่น ผลิตภัณฑ์ วิธีการ กระบวนการ กลุ่มคน องค์ความรู้) เพื่อให้เกิดความเข้าใจต่อสิ่งดังกล่าวเป็นอย่างดี และนำความรู้ความเข้าใจนั้นมาใช้ให้เกิดการปรับปรุงหรือพัฒนาในสิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้น หรือเป็นการสร้างนวัตกรรมใหม่
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า การวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถือเป็นกระบวนการสำคัญในการผลักดันประเทศ เมื่อก่อน R&D ของประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายด้านงานวิจัยอยู่เพียง 0.2 % แต่ในปี 2558 พบว่า งานวิจัยจากภาคเอกชนมีมากถึง 70 % และจากภาครัฐ 30 % และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 0.62 % ของ GDP หรือ 60,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องที่เกิดจากมีศูนย์วิจัยและพัฒนาเปิดขึ้นในไทยเพิ่มขึ้น และคาดว่าภายในปี 2561 จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 % ตามที่ตั้งเป้าไว้
เกี่ยวกับ “Open Innovation Center” โดยเอสซีจี
ล่าสุด เอสซีจี เปิด “Open Innovation Center” ศูนย์กลางการเปิดรับความร่วมมือด้านงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม กับภาครัฐ เอกชน และการศึกษาทั่วโลก ที่มีการดำเนินงานที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน ในการร่วมกันต่อยอดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม และภาคอุตสาหกรรมไทยสู่การแข่งขันในภูมิภาคอาเซียน
Open Innovation Center ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1,600 ตร.ม. ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ชุมชนที่เป็นศูนย์กลางด้าน R&D ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งมีนักวิจัยอยู่รวมกันกว่า 5,000 คน ภายในศูนย์ฯ แบ่งออกเป็น 4 โซนหลัก ได้แก่
1 โซนจัดแสดงผลงาน (Exhibition) เพื่อต่อยอดการวิจัยระหว่างนักวิจัยเอสซีจีและพันธมิตร
2 โซนห้องสัมมนาและห้องประชุม (Conference) เพื่อใช้เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างนักวิจัย
3 ห้องปฏิบัติการ (Laboratory) เพื่อให้ผู้พัฒนาเทคโนโลยีที่อยู่ในความสนใจของเอสซีจีใช้วิจัยและพัฒนา
4 โซนออฟฟิศ สำหรับนักวิจัยและทีมประจำศูนย์ของเอสซีจี
ทั้งนี้ ศูนย์ Open Innovation Center จะเปิดเป็นพื้นที่ให้เหล่านักวิจัย ทั้งผู้ที่เคยมีความร่วมมือกับเอสซีจีอยู่แล้ว หรือผู้ที่มีแนวคิดใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่ออนาคต และผู้ที่ต้องการนวัตกรรมเพื่อใช้ในการพัฒนาหรือแก้ปัญหาของธุรกิจ โดยภายในศูนย์จะมีทั้งทรัพยากร เครื่องมือปฏิบัติการ วิธีการทำงานที่เป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และเป็นการทำงานร่วมกันกับผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้ ยังเปิดพื้นที่สนับสนุนการทำ R&D อย่างเป็นระบบให้แก่เครือข่ายสตาร์ทอัพจากทั่วโลกที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) ในการดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Sci-Tech) เพื่อร่วมพัฒนานวัตกรรมที่มีศักยภาพสูงกับเอสซีจี ในกลุ่ม Materials, Clean Tech และ Sensor & IoT ก่อนนำไปสู่การต่อยอดธุรกิจร่วมกันในอนาคต
ชลณัฐ ญาณารณพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี และประธานคณะทำงาน SCG Innovation Committee กล่าวว่า เรามีบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาในเอสซีจีกว่า 1,800 คน และใช้งบประมาณปีละกว่า 6,000 ล้านบาท และประสบการณ์การดำเนินธุรกิจทั้งในตลาดประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน การเปิดศูนย์ครั้งนี้จะสามารถพัฒนานวัตกรรมให้กับทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจของเอสซีจีได้ รวมไปถึงพาร์ทเนอร์ที่สนใจ เพื่อสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้นในปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น
ขอบข่ายกลุ่มเทคโนโลยี (Technology Platform) ต้องสอดคล้องกับ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
1 ธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง
2 ธุรกิจเคมิคอลส์
3 ธุรกิจแพคเกจจิ้ง
นับว่าศูนย์ดังกล่าว จะสร้างประโยชน์กับทุกภาคส่วน ทั้งการผลักดันงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ให้กับภาคธุรกิจด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การเปิดโอกาสให้ภาคการศึกษาได้มีประสบการณ์ในการทดลองใช้นวัตกรรมต่างๆ กับผู้บริโภคโดยตรง รวมทั้งการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทยและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่ระดับอาเซียนด้วย
ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชม Open Innovation Center โดยเอสซีจี ได้ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.30 น. หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือกับเอสซีจีได้ที่อีเมล openinnovation@scg.com และ โทร. 02-586-6324 หรือ 02-586-1065